Search

“การถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตา...

  • Share this:

“การถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2542”

ประเทศไทยเรามีกฎหมายที่เกี่ยวกับการถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นมาหลายปีแล้ว แต่ทำไมไม่สามารถจัดการกับสมาชิกสภาท้องหรือผู้บริหารท้องถิ่นได้ ยังคงมีการทุจริตอยู่เสมอ โดยประชาชนไม่สามารถดำเนินการจัดการอะไรได้ ดังนั้นผู้เขียนจึงขออธิบายว่าทำไม่ประชาชนไม่สามารถดำเนินการถอกถอนสมาชิกสภาท้องหรือผู้บริหารท้องถิ่นได้เพราะเหตุใด

เมื่อพิจารณาศึกษาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2542 มีสาระสำคัญ ดังนี้

มูลเหตุในการร้องขอให้มีการถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

มูลเหตุในการร้องขอให้มีการถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นออกจากตำแหน่งนั้น กฎหมายกำหนดไว้เพยียงว่า สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น “ไม่สมควรดำรงตำแหน่งต่อไป” ซึ่งสามารถอาศัยเป็นเหตุในการร้องขอให้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อปลดสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ออกจากตำแหน่งได้ เมื่อพบข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ที่ผู้ดำรงตำแหน่งมีการปฏิบัติหน้าที่หรือมีความประพฤติเสื่อมเสียอย่างใด อย่างหนึ่งก็ได้ โดยเป็นการอาศัยความพอใจของประชาชนในท้องถิ่น เพราะผู้ที่จะลงคะแนนเสียงเพื่อชี้ชะตาสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น คือ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในท้องถิ่นนั้นๆถือเป็นการใช้อำนาจอธิปไตยกึ่งทางตรงหรือประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ดังนั้นการที่พระราชบัญญัติว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2542 กำหนดเหตุในการร้องขอ
ให้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อปลดออกจากตำแหน่งไว้กว้างเช่นนี้ ย่อมทำให้สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นต้องทำหน้าที่ของตนโดยตระหนักถึงการตอบสนองความต้องการของคนในท้องถิ่นให้มากที่สุดซึ่งถือว่าเป็นการควบคุมการกระทำทางปกครองในระบบบริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอีกวิธีหนึ่ง


คุณสมบัติและจำนวนผู้มีสิทธิเข้าชื่อเพื่อร้องขอให้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2542 มาตรา 5 วรรค 1 ได้กำหนดหลักเกณฑ์คุณสมบัติและจำนวนผู้มีสิทธิการเข้าชื่อเพื่อร้องขอให้มีลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นออกจากตำแหน่ง ดังนี้

1. คุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าชื่อเพื่อร้องขอให้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

คุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าชื่อเพื่อร้องขอให้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น คือ ผู้มีสิทธิริเริ่มเสนอให้มีการถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นคนใดออกจากตำแหน่งก็จะเป็นราษฎรที่มีสิทธิเลือกตั้งและมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายเลือกตั้งของท้องถิ่นนั้น ๆ กำหนดไว้ เช่น มีสัญชาติไทย อยู่ในท้องถิ่นนั้นๆไม่ต่ำกว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี บริบูรณ์ ไม่เป็นผู้วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน ไม่สมประกอบ ไม่เป็นผู้ต้องคุมขังตามหมายศาลหรืออยู่ระหว่างการเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งและผู้ใช้สิทธิริเริ่มเสนอให้ถอดถอนต้องเป็นผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่ผ่านมา มิฉะนั้น ไม่ได้สิทธิดังกล่าว

2. จำนวนผู้มีสิทธิเข้าชื่อเพื่อร้องขอให้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

จำนวนผู้มีสิทธิเข้าชื่อเพื่อร้องขอให้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น มีดังนี้
1)ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 100,000 คน ต้องมีผู้เข้าชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น
2)ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกิน 100,000 คน แต่ไม่เกิน 500,000 คน ต้องมีผู้เข้าชื่อไม่น้อยกว่า 20,000 คน ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น
3)ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกินกว่า 500,000 คน แต่ไม่เกิน 1,000,000 คน ต้องมีผู้เข้าชื่อไม่น้อยกว่า 25,000 คน ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น
4)มีสิทธิเลือกตั้งเกิน 1,000,000 คน ต้องมีผู้เข้าชื่อไม่น้อยกว่า 30,000 คน ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น
การนับจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ถือตามจำนวนในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นครั้งหลังสุดที่ใช้สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นแล้วแต่กรณี

เงื่อนไขคำร้องขอให้มีลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

ในการยื่นคำร้องขอให้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ต้องมีเงื่อนไข ดังนี้

1. ชื่อ ที่อยู่และลายมือชื่อของผู้เข้าชื่อทุกคน พร้อมทั้งสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวประชาชนที่หมดอายุหรือบัตรหลักฐานอื่นใดของทางราชการที่มีรูปถ่ายสามารถแสดงตนได้

2. รายละเอียดของข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าสมาชิกสภาท้องถิ่นผู้ใดหรือผู้บริหารท้องถิ่นผู้ใดในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ประสงค์ให้ลงคะแนนเสียงถอดถอนนั้นมีการปฏิบัติหน้าที่หรือมีความประพฤติเสื่อมเสียอย่างใดจนเป็นเหตุไม่สมควรดำรงตำแหน่งต่อไป

3. รายชื่อผู้แทนของผู้เข้าชื่อที่จะมีอำนาจดำเนินกิจการที่เกี่ยวข้องกับการจัดให้มีการลงคะแนนเสียงถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

4. คำรับรองของผู้แทนของผู้เข้าชื่อตาม ข้อ 3 ว่าผู้เข้าชื่อทุกคนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นและเป็นผู้เข้าร่วมเข้าชื่อด้วยตนเอง

5. เมื่อคำร้องมีรายละเอียดครบถ้วนแล้วให้ยื่นคำร้องดังกล่าว คือ

1) เสนอต่อผู้ว่าราชกาจังหวัด สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่ในเขตปกครองจังหวัด
2) เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สำหรับกรุงเทพมหานคร

การจัดให้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

การจัดให้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น จะแยกออก 2 กรณีดังนี้

1.กรณีท้องถิ่นที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัด

กรณีท้องถิ่นที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัด คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบลและเมืองพัทยา เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับคำร้องขอดำเนินการให้มีการลงคะแนนเสียงถอดถอนโดยผู้ว่าราชการจังหวัด จะต้องส่งคำร้องนั้นไปให้สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ที่ถูกร้องขอให้ลงคะแนนเสียงถอดถอนภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องและสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นนั้น จะต้องจัดทำคำชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อแก้ข้อกล่าวหาตามคำร้องยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำร้อง และเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับคำชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อแก้ข้อกล่าวหาของสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นแล้ว เมื่อครบกำหนด 30 วัน ผู้ว่าราชการจังหวัดจะแจ้งให้คณะกรรมการเลือกตั้งทราบภายใน 7 วัน เพื่อดำเนินการจัดให้มีการลงคะแนนถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นต่อไป
คณะกรรมการการเลือกตั้งจะเป็นผู้จัดให้มีการลงคะแนนเพื่อปลดสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นออกจากตำแหน่ง โดยจะประกาศกำหนดวันลงคะแนนเสียงไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากผู้ว่าราชการจังหวัด โดยจะมีกระบวนการในการจัดให้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อปลดออกจากตำแหน่งคล้ายคลึงกับการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เพียงแต่ในการออกเสียงลงคะแนนเพื่อปลดสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นออกจากตำแหน่งจะลงคะแนนเสียงในช่องที่ “เห็นด้วย” หรือ “ไม่เห็นด้วย” กับการปลดสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นออกจากตำแหน่ง

2.กรณีท้องถิ่นที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

กรณีท้องถิ่นที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือ กรุงเทพมหานคร เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับคำร้องขอดำเนินการให้มีการลงคะแนนเสียงถอดถอนโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะต้องส่งคำร้องนั้นไปให้สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ที่ถูกร้องขอให้ลงคะแนนเสียงถอดถอนภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องและสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นนั้น จะต้องจัดทำคำชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อแก้ข้อกล่าวหาตามคำร้องยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้วภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำร้อง และเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับคำชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อแก้ข้อกล่าวหาของสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นแล้ว เมื่อครบกำหนด 30 วัน ผู้ว่าราชการจังหวัดจะแจ้งให้คณะกรรมการเลือกตั้งทราบภายใน 7 วัน เพื่อดำเนินการจัดให้มีการลงคะแนนถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นต่อไป
คณะกรรมการการเลือกตั้งจะเป็นผู้จัดให้มีการลงคะแนนเพื่อปลดสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นออกจากตำแหน่ง โดยจะประกาศกำหนดวันลงคะแนนเสียงไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยจะมีกระบวนการในการจัดให้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อปลดออกจากตำแหน่งคล้ายคลึงกับการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เพียงแต่ในการออกเสียงลงคะแนนเพื่อปลดสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นออกจากตำแหน่งจะลงคะแนนเสียงในช่องที่ “เห็นด้วย” หรือ “ไม่เห็นด้วย” กับการปลดสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นออกจากตำแหน่ง

ผลของการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

ผลการลงคะแนนเสียงเพื่อให้สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นพ้นจากตำแหน่ง จะเกิดได้ 2 กรณี ดังนี้

1.กรณีผลผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงทั้งหมดในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

หากมีผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงทั้งหมดในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ถือว่าการเข้าชื่อปลดบุคคลนั้นตกไป และจะมีการร้องขอให้มีการลงคะแนนเพื่อปลดบุคคลดังกล่าวออกจากตำแหน่งโดยอาศัยเหตุเดียวกันไม่ได้อีก

2.กรณีที่มีผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงทั้งหมดในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

กรณีที่มีผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงทั้งหมดในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น และมีคะแนนเสียงจำนวนไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาลงคะแนนเสียง เห็นว่าสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นนั้นไม่สมควรดำรงตำแหน่งต่อไป บุคคลนั้นต้องพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันลงคะแนนเสียง

เอกสารอ้างอิง
ปรัชญา เวสารัชช์ “การปกครองท้องถิ่นประเทศฟิลิปปินส์” กรุงเทพฯ: โครงการส่งเสริมการบริหารจัดการที่ดี
โดยกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น, 2542
พระราชบัญญัติว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2542


Tags:

About author
not provided
ปัจุบัน พ้นจากการโมฆะบุรุษ รองศาสตราจารย์ประจำ คณะนิติศาสตร์
View all posts